- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 9-15 กุมภาพันธ์ 2558
ข่าวสัปดาห์ 2-8 ก.พ. 58
ฝ้าย
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2558 ทำสัญญาสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 60.74 เซนต์ หรือกิโลกรัมละ 43.88 บาท เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 58.74 เซนต์ หรือกิโลกรัมละ 42.39 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.40 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.49 บาท
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรยังคงเงียบเหงา ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยให้สุกรเจริญเติบโตดี ส่งผลให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดมาก แนวโน้มคาดว่าการบริโภคเนื้อสุกรจะเพิ่มขึ้นและราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 62.93 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 63.22 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.46 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 61.44 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.79 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 62.96 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 63.30 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 60 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 62.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคที่มีมากขึ้น ประกอบกับใกล้เทศกาลตรุษจีนในสัปดาห์หน้า แนวโน้มคาดว่าการบริโภคไก่เนื้อจะเพิ่มขึ้นและราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัม 39.15 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 37.87 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.38 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 38.19 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 38.96 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 42.43 บาท (ภาคเหนือไม่มีรายงานราคา) ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.50 บาท ลดลงจากตัวละ 13.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 14.81
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.41 และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 49.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.08
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 260 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 267 บาท จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.62 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 290 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 249 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 250 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 292 บาท ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 8.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 262 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 281 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.76
ไข่เป็ด
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 332 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 341 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.64 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 310 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 344 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 327 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 339 บาท
ราคาขายส่งไข่เป็ดในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 390 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 104.01 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 103.32 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.67 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 98.38 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 100.30 ภาคกลางกิโลกรัมละ 99.85 บาท และภาคใต้ 127.71 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 79.12 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 78.02 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.41 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.63 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 76.90 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วลิสง
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้งคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยราคากิโลกรัมละ 21.51 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 7.55
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ (ชนิดดี) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา (ชนิดรอง) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
สับปะรด
ผลผลิต ลดลง
ปริมาณผลผลิตสับปะรดที่ออกสู่ตลาดในเดือนมกราคม 2558 ประมาณ 0.174 ล้านตัน หรือร้อยละ 8.85 ของปริมาณผลผลิตรวม 1.970 ล้านตัน ลดลงจาก 0.176 ล้านตัน ของเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 1.14 แต่เพิ่มขึ้นจาก 0.171 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.75
การส่งออก ลดลง
ปี 2557 มีการส่งออกสับปะรดสดและผลิตภัณฑ์ ปริมาณรวม 1.929 ล้านตันสด ลดลงจากปริมาณ 2.068 ล้านตันสด ของปี 2556 หรือลดลงร้อยละ 6.72
ราคา เพิ่มขึ้น
งานแปรรูปสับปะรดที่มีวันละประมาณ 10,000 ตัน ส่งผลให้ราคาสับปะรดที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ มีดังนี้
- สับปะรดโรงงานกิโลกรัมละ 9.43 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 9.09 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.74 และเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.41 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 47.11
- สับปะรดบริโภคกิโลกรัมละ 11.97 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 11.40 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.00 และเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.02 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 49.25ข่าวสัปดาห์ 9-15 ก.พ.58
ถั่วเขียว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่ชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่ชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 38.40 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.04
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.40 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.95
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่ชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,203.80 ดอลลาร์สหรัฐ (38.98 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,215.80 ดอลลาร์สหรัฐ (39.37 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.99 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.39 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,141.80 ดอลลาร์สหรัฐ (36.97 บาท/กิโลกรัม) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนตันละ 1,141.40 ดอลลาร์สหรัฐ (36.96 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.04 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,017.60 ดอลลาร์สหรัฐ (32.95 บาท/กิโลกรัม) เพิ่มขึ้นจากตันละ 1,017.20 ดอลลาร์สหรัฐ (32.94 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.04 และเพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,321.80 ดอลลาร์สหรัฐ (42.80 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,333.60 ดอลลาร์สหรัฐ (43.18 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.88 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.38 บาท
9 - 15 กุมภาพันธ์ 2558
กาแฟ
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1. การผลิต
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้พยากรณ์เนื้อที่ให้ผล ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่
ปี 2558 ดังนี้ เนื้อที่ให้ผลผลิตกาแฟจะมีประมาณ 269,596 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2557 จำนวน 5,817 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.21 ผลผลิต 37,366 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1,097 ตัน หรือลดลงร้อยละ 2.85 และผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่ให้ผล เฉลี่ยไร่ละ 139 กิโลกรัม ลดลงจากปีที่ผ่านมา 7 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.79 ทั้งนี้เนื้อที่ให้ผลรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาในภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากภาครัฐและเอกชนมีการส่งเสริมให้ปลูกเพิ่มในสวนไม้ผลไม้ยืนต้นและพื้นที่ป่าชุมชนตั้งแต่ ปี 2554 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ส่วนผลผลิตต่อไร่ ในภาพรวมลดลงเนื่องจากแหล่งผลิตกาแฟทางภาคใต้ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง อากาศร้อน และแห้งแล้ง กาแฟติดดอกออกผลไม่ดี
ภาคเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น จากต้นกาแฟที่ปลูกแซมในสวนยางพารา แมคคาเดเมีย และลิ้นจี่ ในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ และในพื้นที่ป่าชุมชนที่ทางภาครัฐและกลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟในท้องถิ่นสนับสนุนให้เกษตรกรปลูก เช่น ในจังหวัดตาก และแพร่ ตั้งแต่ปี 2554 ให้ผลผลิตเป็นปีแรก ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคากาแฟพันธุ์อาราบิกาดีอย่างต่อเนื่อง จึงจูงใจให้เกษตรกรจึงทาการตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นอย่างดี
ภาคกลาง พื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเนื้อให้ผลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี เกษตรกรปลูกเพิ่มในพื้นที่รกร้าง ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออานวยต่อการติดดอกออกผล และอยู่ในช่วงอายุให้ผลผลิตสูง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีการปลูกกาแฟตั้งแต่ปี 2552 แหล่งผลิตอยู่ใน จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สูงเนิน เกษตรกรมีการปลูกกาแฟแซมในสวนแมคคาเดเมีย มะม่วง และขนุน ส่วนใหญ่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกา เริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดในปี 2556 และมีการเพิ่มของเนื้อที่ให้ผลอย่างต่อเนื่อง สาหรับผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอายุของต้นกาแฟเพิ่มขึ้นทรงพุ่มใหญ่ขึ้น
ภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเนื้อที่ให้ผลลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นยางพารา ปาล์มน้ามัน และทุเรียน ที่เกษตรกรปลูกแซมในสวนกาแฟโตและเริ่มให้ผลผลิตเกษตรกรจึงโค่นต้นกาแฟออก ผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากต้นกาแฟทางภาคใต้มีอายุมากและไม่ได้รับการบารุงดูแลเพราะราคาสารกาแฟตกต่ำหลายปี จึงไม่จูงใจให้เกษตรกรลงทุนเพิ่ม นอกจากนี้เกษตรกรให้ความสนใจในการบำรุงดูแลพืชที่นามาปลูกทดแทนมากกว่า ประกอบกับในช่วงต้นกาแฟออกดอกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 มีสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งและฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้การออกดอกและติดผลไม่ดีเท่าที่ควร
ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของไทยในปี 2557
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รายงานความต้องการใช้เมล็ดกาแฟในปี 2557 ของโรงงานแปรรูปในประเทศ มีปริมาณสูงขึ้น จาก 75,000 ตัน เป็น 70,000 ตัน ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.14 เนื่องจากการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดคะเนความต้องการใช้กาแฟของปี 2558 ว่าจะมีประมาณ 80,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.66
ปี |
ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงาน |
2553 |
58,000 |
2557 |
75,000 |
อัตราเพิ่ม (ร้อยละ) |
6.65 |
2558* |
80,000 |
หมายเหตุ * : ประมาณการ
การค้า
การส่งออกกาแฟขอไทยในปี 2557 มีปริมาณ 567.92 ตัน มูลค่า 110.78 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 368.26 ตัน มูลค่า 76.10 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 54.22 และ 45.56 ตามลำดับ สำหรับกาแฟสำเร็จรูปมีการส่งออก 6,315.95 ตัน มูลค่า 859.94 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 1,620.79 ตัน มูลค่า 302.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 289.68 และ 184.11 ตามลำดับ และไทยนำเข้าเมล็ดกาแฟ ปริมาณ 47,413.12 ตัน มูลค่า 3,411.03 ล้านบาท สูงขึ้นจากปริมาณ 34,907.17 ตัน มูลค่า 2,417.30 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น ร้อยละ 35.83 และ 41.11 ตามลำดับ สำหรับกาแฟสำเร็จรูปมีการนำเข้าปริมาณ 7,015.47 ตัน มูลค่า 2,123.53 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 6,426.99 ตัน และลดลงจากมูลค่า 2,041.48 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นลดลงร้อยละ 9.16 และ 4.02 ตามลำดับ
ผลผลิต
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) รายงานผลผลิตกาแฟโลกปี 2556/57 มีปริมาณ 9.150 ล้านตัน ลดลงจาก 9.259 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 1.49 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และ คาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 8.99 ล้านตัน ลดลง 0.163 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 1.78
บราซิล ผู้ผลิตกาแฟอันดับ 1 ของโลก ในปี 2556/57 มีผลผลิต ปริมาณ 3.270 ล้านตัน ลดลง 0.186 ล้านตัน ในปี 2555/56 หรือลดลงร้อยละ 2.382 และคาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 3.072 ล้านตัน ลดลง 0.198 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 6.055
เวียดนาม ผู้ผลิตกาแฟอันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสตาอันดับ 1 ของโลก มีผลผลิตกาแฟปี 2556/57 ปริมาณ 1.789 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.200 ล้านตัน ในปี 2555/56 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.577 และคาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 1.761 ล้านตัน ลดลง 0.029 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 1.619
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา รายงานความต้องการใช้กาแฟของโลกปี 2556/57 มี 8.545 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.518 ล้านตันของปี 2555/56 ร้อยละ 0.312 และคาดคะเนความต้องการใช้กาแฟของปี 2557/58 ว่าจะมีประมาณ 8.858 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.66
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา รายงานการส่งออกกาแฟโลกปี 2556/57 มี 7.143 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 6.992 ล้านตัน ในปี 2555/56 ร้อยละ 2.159 และคาดการณ์ว่า ในปี 2557/58 จะมีการส่งออก ประมาณ 7.195 ล้านตัน หรือสูงขึ้นร้อยละ 0.736
ประเทศที่ส่งออกมากที่สุดได้แก่ บราซิล มีการส่งออกในปี 2556/57 ปริมาณ 2.048 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.840 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 11.318 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น รองลงมาได้แก่ ประเทศเวียดนาม มีการส่งออก ปริมาณ 1.607 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.479 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 0.68 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น
ผลผลิตกาแฟของโลก ปี 2552/53 - 2557/58
ประเทศ |
2552/53 |
2553/54 |
2554/55 |
2555/56 |
2556/57 |
อัตราเพิ่ม (ร้อยละ) |
2557/58* |
1 บราซิล |
2.688 |
3.270 |
2.952 |
3.456 |
3.270 |
4.575 |
3.072 |
รวม |
7.716 |
8.425 |
8.634 |
9.259 |
9.150 |
4.449 |
8.988 |
หมายเหตุ : * ประมาณการ
ที่มา : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (ธันวาคม 2557) www.usda.gov
ปี |
ปริมาณ |
2552/53 |
8.264 |
อัตราเพิ่ม (ร้อยละ) |
1.248 |
2557/58 |
8.858 |
หมายเหตุ * ประมาณการ
ที่มา : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (ธันวาคม 2557) www.usda.gov
ราคาตลาดในประเทศ
ราคาเมล็ดกาแฟที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.02 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 67.73 บาท ของสัปดาห์ก่อน หรือสูงขึ้นร้อยละ 3.38
ราคาในตลาดต่างประเทศ มีดังนี้
ราคาเมล็ดกาแฟดิบอาราบิก้า ตลาดนิวยอร์กซื้อขายทันทีเฉลี่ย 186.61 เซนต์/ปอนด์ (133.70 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจาก 186.11 เซนต์/ปอนด์ (133.35 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็นร้อยละ0.27
ราคาเมล็ดกาแฟดิบโรบัสตา ตลาดนิวยอร์กซื้อขายทันที่เฉลี่ย 104.03 เซนต์/ปอนด์ (75.54 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจาก 103.42 เซนต์/ปอนด์ (74.10 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็นร้อยละ 0.59
ข่าวสัปดาห์ วันที่ 9-15 ก.พ.58
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,653 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,324 บาท เพิ่มขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 1,323 บาทของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.06
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,088 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ตารางราคาเกษตรกรขายได้ ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ และราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี